สวย เป๊ะ ปัง ! คืนร่างพัง กลับสู่หุ่นเพียว ภายในเวลา 3 อาทิตย์ กับ คุณหมอทรงยศ Dream clinic
ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกก่อนเลยนะคะ ว่าดิฉันเคยเป็นคนที่เมื่อก่อนรูปร่างดีพอสมควร แต่พอวันเวลาล่วงเลย เกินเลข 3 ระบบเผาผลาญของเราก็เริ่มลดน้อยลง รวมถึงเราเป็นคนทำงานที่จะต้องพบปะสังสรรค์งานสังคม งานกลางคืนอยู่บ่อยๆ ก็ยิ่งทำให้น้ำหนักยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนก้าวไปถึง…..น้ำหนัก 58กิโล! คือมันเริ่มรู้สึกว่ามีก้อนอะไรมากองๆ ย้อยๆ จนคิดว่าว่าควรจะทำอะไรสักอย่างแล้ว
เลยตัดสินใจที่จะไปดูดไขมัน (ครั้งที่1) ต้องขอบอกเลยนะคะว่ามันเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเลยค่ะ ดูดไขมันครั้งแรกที่เชียงใหม่ ตอนนั้นบอกตามตรงว่าพลาดมากจริงๆ ไม่ได้เช็คอะไรให้ดี คือดิฉันเห็นว่า ชื่อหมอก็คุ้นๆหูอยู่ จัดว่าดัง ราคาก็ไม่ได้ถือว่าถูกกว่าที่อื่นนะคะ ตอนนั้นตัดสินใจเหมาทั้งตัวไปเลยจะได้จบๆ เจ็บทีเดียว สวยทีเดียวไปเลย แต่ผลรับที่ได้หลังจากการดูดไขมันครั้งแรกคือ ……คือผิดหวังเสียใจขั้นสุดเลยค่ะ ดิฉันดูดเหมาทั้งตัวดูดเสร็จคือมันก็เล็กลงนะคะแต่ไม่เยอะและที่รู้สึกแย่ที่สุด คือรอยแผลเต็มไปหมดทั้งตัว ผิวเป็นคลื่นไม่เรียบเสมอกัน ณ ตอนนั้นเครียดมากค่ะ อีกทั้งคลินิกก็ไม่รับผิดชอบอะไรเลย (ไม่ขอเอ่ยชื่อคลินิกนะคะ)
คือเพื่อนๆเห็นสภาพดิฉันตอนนั้นก็สงสารมาก ดิฉันต้องใส่แต่เสื้อพรางตัว เพื่อไม่ให้เห็นรอยแผลเป็น กับผิวที่เป็นคลื่นๆดูน่าเกลียด นอยหนักมากค่ะไม่รู้จะหาทางแก้ยังไง จนมีวันนึง ดิฉันไปเจอรีวิวดูดไขมันที่หนึ่ง เราว่ารีวิวของคุณพี่ท่านนี้จริงใจมากเป็นรีวิวที่ดูพี่เค้าดีใจและประทับใจการดูดไขมันจนอยากที่จะมาส่งต่อความประทับใจที่เค้าเจอแก่คนอื่นๆ คือพี่เค้าดูดไขมันกับคุณหมอชื่อนายแพทย์ทรงยศเป็นแพทย์เฉพาะทางเค้าบอกว่าดูดดีมากมองไม่เห็นแผลเลยไม่มีน้ำไหลออกจากแผล ไปทำงานได้ปกติทุกอย่างดิฉันอ่านละก็อิน เริ่มมีความหวังที่จะแก้ไขรูปร่างของดิฉันอีกครั้ง เลยลองหาข้อมูลคุณหมอเพิ่มเติมและสุดท้ายก็หาเวลาเข้าไปปรึกษาค่ะถามคุณหมอรับเคสแก้รึเปล่า ไปถึงก็แจงรูปปัญหาเราให้กับคุณหมอรับทราบตอนคุณหมอบอกว่า สามารถแก้ไขปัญหาของดิฉันได้ ตอนนั้นคือ รู้สึกดีใจมากกกเหมือนสวรรค์มาโปรด หลังจากนั้นก็นัดวันเวลาที่จะมานำเจ้าไขมันที่เกาะติดชีวิตฉันมานานหลายปีออกไปสักทีค่ะ
ดิฉันได้คิว วันที่ 6 ตุลาคม 2558 วันนั้นก็เตรียมตัวทำความสะอาดร่างกายไปเรียบร้อยค่ะ คุณหมอสั่ง งดข้าว งดน้ำ 8 ชั่วโมง เพราะว่าต้องดมยาสลบ แล้วคุณหมอก็ให้เข้าไปในห้องตรวจ วาดส่วนที่จะเอาออกให้เราดูเลยค่ะ (ลืมบอกไปนะคะ ว่า เอาออกทั้งตัวเลย ต้นขา ท้องบน ท้องล่าง ก้น ท้องแขน ปีกหน้า ปีกหลัง) ชี้แจงทั้งหมดเลย ว่ารอยแผลของเรานั้น จะซ่อนอยู่ตรงจุดไหน จุดไหนบ้าง ซึ่งจุดทั้งหมดจะอยู่ที่ตามข้อพับทั้งหมดเลยค่ะ จากนั้นคุณหมอก็ให้ยานอนหลับค่ะ ก็หลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย
พอตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่มองไปเห็นถังไขมันของตัวเอง รู้สึกตกใจเลยค่ะ ว่าทำไมคุณหมอเอาออกมาได้เยอะขนาดนี้ คุณหมอบอกกับดิฉันว่า ไขมันโดยรวมที่ออกไปจากร่างดิฉันคือ 6.5 ลิตรค่ะ !!!!! จากที่เบลอๆยา ถึงกับหายเบลอเลยค่ะ นั่งคุยกับถังไขมันของตัวเอง ว่าออกไปจากชีวิตฉันสะทีนะ หลังจากนั้น นอนพักสักครู่ (คุณหมอมีห้องพักให้ด้วยค่ะ) คุณแฟนก็รับกลับบ้านได้เลยค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นคือเจ็บนิดหน่อยนะคะ แต่มันแฮปปี้มากกว่า เรารู้สึกตัวเบาขึ้นทันทีเลย
พอกลับมาที่บ้านก็นอนพักฟื้นแบบปรกติเลยค่ะ ไม่มีอาการ วูบหรือรู้สึกหน้ามืดเลย ทำมาวันแรกก็มีการบวมนิดหน่อย
แต่พอผ่านไป 1 อาทิตย์ก็เริ่มเข้าที่มากขึ้น สังเกตเห็นได้เลยค่ะ ว่าผิวจากที่เคยเป็นคลื่นก็กลับมาเรียบ และ เล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนรอยแผล นั้นก็มองไม่เห็นเลยค่ะ คือรู้สึกทึ่งในฝีมือคุณหมอมาก ว่าเค้าเก็บซ่อนแผลได้เนียนจริงๆ!! หลังจากนั้นคุณหมอก็นัดเข้ามา ตรวจผลหลังจากการดูด Vaser 1 เดือน คุณหมอก็เอาสายวัดมาวัดส่วนๆต่างที่ทำให้ดูเลย ผลที่ได้ก็คือ
แขน ลดลงไป 7ซม.
ก้น ลดลงไป 9 ซม.
ต้นขาลดลงไป ข้างละ 4 ซม.
หน้าท้อง ลดลงไป 8 ซม.
ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนจะร้องไห้เลยค่ะ ว่าตอนนั้นทำไมเราถึงปล่อยให้ร่างกายเราอ้วนขึ้นได้ขนาดนี้ แล้วตอนนี้เรามีโอกาสที่กลับมาผอมอีกครั้ง มันทำให้เรารู้สึกมั่นใจขึ้นกว่าเดิมอีก กลับมาใส่เสื้อผ้าแบบผอมเพรียวได้อีกครั้ง เสื้อพรางตัวนี่โยนทิ้งไปได้เลย คือออกไปพบเจอกับกลุ่มเพื่อน หลังจากที่ดูดไขมันแล้ว ทันทีที่เพื่อนเห็น คือทักเลยค่ะ ว่าลดได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ก็เล่าให้เพื่อนๆฟังเลยค่ะ ว่าเราได้ตัวช่วยที่ดีมากจริงๆ และก็คิดว่า จะไม่ยอมปล่อยตัวเองให้กลับไปอ้วนอีกแล้วแน่ๆค่ะ
ปัจจุบัน จากน้ำหนัก 58 เหลือ 50 ภายในเวลาไม่ถึงเดือน นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้ดิฉันหันมารักตัวเองมากยิ่งขึ้น คุณหมอแนะนำให้ฉันควบคุมอาหาร และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขอขอบคุณ คุณสามีของดิฉันด้วยนะคะ ที่สนับสนุนให้ฉันรักตัวเอง ยินดีที่จะให้มีคนข้างกายเป็นคนที่สวย และพร้อมที่จะยืนเคียงข้างกับเขาได้ไปนานๆ แล้วดิฉันอยากฝากข้อคิดกับเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้ว่าอย่าลืมนะคะ ราคาไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าที่นั้นดีหรือไม่ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดี และหาคลินิกที่ไว้วางใจเชื่อใจได้ด้วยนะคะ เพราะร่างกายของเรา ก็ต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิต ถ้าเราไม่รู้จักที่จะรักตัวเอง ก็คงไม่มีใครรักเราหรอกค่ะ ( ^ _ ^ )