รีวิว เสริมหน้าอก ดรีมคลินิก
ดูรีวิวเสริมหน้าอก ที่ดรีมคลินิกเพิ่มเติม >>
เสียงประทับใจ
BREAST SURGERY | ศัลยกรรมหน้าอก
ศัลยกรรมหน้าอก เป็น การทำศัลยกรรมที่เป็นที่นิยมในหมู่สาวเอเชีย เพราะพื้นฐานแล้วผู้หญิงเอเชียจะมีขนาดหน้าอกไม่ใหญ่มาก การที่ผู้หญิงที่มีหน้าอกรูปร่างที่ใหญ่แบบพอดีๆ ซึ่งจะเป็นเสน่ห์ในการดึงดูดต่อเพศตรงข้าม จึงทำให้สาวๆหลายคนใฝ่ฝันที่จะมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งดรีมคลินิกมีบริการเสริมหน้าอกที่ใช้เทคนิคที่ปลอดภัยและใช้เวลาในการ พักฟื้นไม่นาน ศัลยกรรมหน้าอก เสริมหน้าอก ที่ไหนดี ดรีมคลินิก มีคำตอบ ทำแล้วมั่นใจได้ว่า ได้ทรวดทรงที่เป็นธรรมชาติ งดงาม ได้รูป ไม่หย่อนคล้อย ขนาดเหมาะสมกับรูปร่าง ลำตัว และบุคลิก ทำให้มีเรือนร่าง ที่สวยงาม ชวนมอง ด้วยซิลิโคนเกรดที่ดีที่สุดทำให้เต้านมนิ่มเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเป็นก้อน ไม่มีผิดรูป ซ้าย-ขวาไม่ต่างกัน ดรีมคลินิกใช้ซิลิโคนมาตรฐานสูงสุด ที่รับรองโดยองค์การอาหารและยาของอเมริกา และของประเทศไทย เท่านั้น ซึ่ง ปัจจุบันวงการแพทย์ทั่วโลกนิยมใช้ซิลิโคนจากอเมริกาเป็นหลัก เพราะปลอดภัย และเทคโนโลยีการผลิตได้มาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงซิลิโคนเกรดต่ำราคาถูกจากเอเชีย,จีน หรือ อาฟริกา ซึ่งถือว่ายังไม่มีความปลอดภัยเพียงพอ
เทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอก
เทคนิคที่ใช้ในการทำของศัลย
แต่เทคนิคแบบพักฟื้นน้อย ที่ดรีมคลินิก ศัลยแพทย์จะทำการวัดขนาดซิลิโคนที่เหมาะสม และระหว่างการผ่าตัดจะใช้เครื่องจี้ไฟ
การเสริมหน้าอกที่ Dream Clinic : ดมยาสลบอย่างปลอดภัย ด้วยเทคนิค General Anesthesia
การให้ยาสลบอย่างปลอดภัย ต้องเป็นการให้ออกซิเจน และใช้เครื่องช่วยหายใจโดยวิสัญญีแพทย์เท่านั้น ไม่ใช่แค่ฉีดยาชาหรือฉีดยานอนหลับให้เบลอซึ่งอันตรายเสี่ยงสูงถึงเสียชีวิตได้ เพราะสาเหตุการตายจากการเสริมหน้าอกส่วนใหญ่มาจากการให้ยานอนหลับจนเบลอแล้วหยุดหายใจ
การเสริมเต้านมที่ปลอดภัย ได้มาตรฐานต้องดมยาสลบด้วยวิธี General Anesthesia เท่านั้น
General Anesthesia คืออะไร สำคัญอย่างไร
General Anesthesia คือ การให้ยาระงับความรู้สึก เพื่อการผ่าตัดใหญ่ เป็นวิธีมาตรฐานของการดมยาสลบเพื่อผ่าตัด ซึ่งใช้กันทั่วไปในโรงพยาบาลชั้นนำ โดยคนไข้จะเหมือนนอนหลับไป หมดความรู้สึก 100% ทำให้ไม่เกิดความเจ็บปวด ทรมานขณะทำการผ่าตัด การให้ยาสลบแบบนี้เหมาะกับการผ่าตัดในบริเวณกว้าง,บริเวณที่ทำการผ่าตัดอยู่ในร่างกายชั้นลึกที่มีเส้นประสาทเยอะ เช่นที่เต้านมและกล้ามเนื้อหน้าอก และช่วยให้คนไข้ไม่ขยับตัวไปมา ทำให้การผ่าตัดทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเสริมเต้านมจำเป็นต้องใช้การระงับความรู้สึกด้วยวิธี General Anesthesia นี้ เพราะเป็นวิธีที่ทางการแพทย์พิสูจน์แล้วว่า ปลอดภัย ,ได้มาตรฐาน และเหมาะสมที่สุด กับการผ่าตัดเสริมเต้านม โดยวิสัญญีแพทย์จะต้องประเมินสภาพร่างกายและทางเดินหายใจก่อนการผ่าตัด โดยจะใส่ท่อช่วยหายใจ เพื่อช่วยให้ระบบทางเดินหายใจปลอดภัย ควบคุมออกซิเจนได้อย่าง100% และมีการให้ยาสลบ ยาแก้ปวดอย่างแรง และยาคลายกล้ามเนื้ออย่างแรงทางเส้นเลือด ช่วยให้คนไข้หลับได้อย่างผ่อนคลาย ไม่รู้สึกเจ็บ ไม่มีการขยับต่อต้านหรือกล้ามเนื้อกระตุก ทำให้ศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดได้อย่างราบรื่นเป็นไปตามที่ว่างแผนไว้ และสามารถหยุดเลือดได้หมดและเย็บแผลได้อย่างสวยงาม
แต่ปัจจุบัน ด้วยสภาพเศรษฐกิจ สังคม ที่บีบรัด ทำให้มีหลายคลินิก ต้องลดต้นทุนการผ่าตัด หลายคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานไม่ใช่ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง ทำการผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยการฉีดยาชา ร่วมกับให้ยานอนหลับทางเส้นเลือด ซึ่งวิธีดังกล่าวถือว่า ไม่ได้มาตรฐาน ,มีความเสี่ยงต่อการควบคุมการหายใจ และ ไม่สามารถควบคุมความเจ็บปวดได้เพียงพอ ซึ่งบางรายอาจเสียชีวิตหรือพิการการผ่าตัดได้เพราะวิธีการดังกล่าวไม่สามารถควบคุมการหายใจได้ทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตตามมา บางรายอาจควบคุมระบบหายใจได้ แต่ก็เจ็บปวดอย่างมากเพราะคนไข้บางคนอาจรู้สึกตัวขณะทำ นอกจากนี้การฉีดยาชาอย่างและให้ยาฉีดนอนหลับอย่างเดียวไม่สามารถทำผ่าตัดนานๆได้ ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดจึงต้องรีบทำ ขณะที่คนไข้ก็ยังเจ็บปวดดิ้นไปมา ทำให้ผลการผ่าตัดไม่ดี ผลคือบางคนทรงเต้านมอาจออกมาไม่ดี ไม่เท่ากัน หรือมีเลือดคั่ง หรือไม่นานก็เกิดพังผืดเกาะ หรือติดเชื้อตามมาได้
ผู้บริโภคต้องระวัง อย่าหลงเชื่อทำตามกระแสในสื่ออินเตอร์เน็ต ซึ่งมักจะพูดแต่ด้านดีของการเสริมหน้าอกแบบฉีดยาและยานอนหลับ ให้เบลอ ว่าราคาถูก,ตื่นไว แต่ไม่พูดถึงข้อเสียว่ามี เจ็บมาก เสียเลือดมาก และอาจหยุดหายใจจนอาจเสียชีวิตได้
การดมยาสลบแบบมาตรฐาน General Anesthesia อาจเพิ่มราคาการผ่าตัดขึ้นเป็นหมื่นถึงสองสามหมื่นบาท แต่ได้ความความปลอดภัยต่อชีวิต จึงต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน และคิดให้ดีก่อนการเสริมหน้าอกราคาถูกๆ ว่าเราจะเอาชีวิตมาเสี่ยงกับการได้เสริมหน้าอกถูกลงมาไม่กี่หมื่นบาทดีหรือไม่ ชีวิตเรามีค่าเท่านี้จริงหรือ?
เต้านมที่สวยงามสมบูรณ์แบบ (Perfect Beautiful Breast) เป็นอย่างไร ?
1.สัดส่วนปริมาณเนื้อเต้านมด้านครึ่งบนต้องน้อยกว่าครึ่งล่างเล็กน้อย (อัตราที่ดีที่สุดคือ บนต่อล่างเท่ากับ 45:55 โดยแบ่งที่ระดับหัวนมในแนวราบ) ซึ่งสัดส่วนที่สวยงามนี้จะทำให้เนินหน้าอกด้านบนเป็นแนวตรงหรือโค้งเข้าเล็กน้อยไม่กลมนูนจนเกินไปจนดูเป็นลูกโป่ง , ส่วนขอบด้านล่างจะต้อง กลม ตึง เรียบเป็นโค้งที่นูนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หัวนมลงไปจนถึงรอยพับด้านล่างต้องไม่เป็นลอนหรือรอยหยักหรือหย่อนเป็นถุง , หัวนมที่ดูธรรมชาติจะต้องชี้ขึ้นเล็กน้อยประมาณ 10-20 องศา
2.ตำแน่งการกระจายเนื้อเต้านม รวมถึงการวางซิลิโคนที่เหมาะสมจะทำให้เต้านมเป็นทรงหยดน้ำ คือ ด้านบนจะต้องค่อยๆลาดขึ้นไป เนินร่องอกห่างกันอย่างเหมาะสม และโค้งด้านนอกเต้านมอยู่ในแนวที่พอดีขอบลำตัวด้านข้าง (Anterior Axillary Line) ไม่ล้นออกด้านข้างจนเกินไป ทั้งตอนใส่และถอดBra
3.ระดับหัวนม เต้านม และรอยพับใต้ฐานนม ซ้าย ขวา ต้องเท่ากัน โดยระยะทางวัดจากกึ่งกลางระหว่างกระดูกไหปลาร้าลงมามา(1)ต้องเท่ากันทั้งสองข้าง และใกล้เคียงกับระยะระหว่างหัวนม(2) ซึ่งหัวนมที่สวยจะต้องไม่ห่างหรือชิดจนเกินไป
ทำอย่างไรจะได้เต้านมที่สวยงาม :
1. ปรึกษาก่อนผ่าตัดล่วงหน้า เพื่อวางแผนเลือกทรงและรุ่นของซิลิโคนให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน
*** ไม่มีซิลิโคนรุ่นไหน หรือยี่ห้อไหน ที่ดี 100% หรือดี่ที่สุด หรือเหมาะกับทุกคน *** ซิลิโคนทุกรุ่น และทุกยี่ห้อ มี ข้อดี และ ข้อเสีย
การตรวจและวัดขนาดหน้าอกโดยศัลยแพทย์ผู้ชำนาญ และมีการพิจารณาเลือกซิลิโคนจากหลายรุ่นหลายยี่ห้อ จะทำให้ได้ผลการรักษาที่ดีกว่า ที่สำคัญอย่าลืมสอบถาม รายละเอียดของซิลิโคนแต่ละรุ่นก่อนวางแผนการผ่าตัด (ศัลยแพทย์ตกแต่งที่ชำนาญและมีจรรยาบรรณจะทราบ และบอกได้ถึง ข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวังของซิลิโคนแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ)
2. เลือกแพทย์ที่มีเทคนิคการวัด Size ที่พอดีกับสภาพร่างกาย และวางตำแหน่งได้พอดีกับเต้านม การดูรีวิวผลงานแพทย์จำเป็นต้องดูระดับการวางซิลิโคนให้พอดีกับระดับหัวนมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เนื่องจากแต่ละคนมีสภาพร่างกายต่างกัน ศัลยแพทย์ตกแต่งจึงต้องใช้ความรู้และเทคนิคในการวัดให้เพื่อจัดวางซิลิโคนให้ถูกตำแหน่ง ในซิลิโคนชิ้นและขนาดเดียวกันหากแพทย์วางตำแหน่งพอดีจะดูสวย แต่หากแพทย์อีกคนคนวัดตำแหน่งได้ไม่ดี หัวนมจะชี้ไม่เท่ากัน, รูปทรงเต้านม และมุมการชี้ของหัวนมอาจดูไม่เป็นธรรมชาติ (การดูรีวิวโดยไม่ได้ดูตำแหน่งหัวนมเทียบกับเต้านมทั้งหมด ถือเป็นการพลาดข้อมูลที่สำคัญ เพราะฺBra จะช่วยปกปิดความผิดพลาดของการวัดได้)
3.กรณีรูปทรงเต้านมไม่เท่ากัน หลายกรณีสามารถแก้ไขได้หลายแบบ ซึ่งอาจต้องใช้ร่วมกันหลายวิธี เช่น การใช้Silicone ต่างขนาด / ต่าง Profile หรือ การเลาะเหนือ-ใต้ กล้ามเนื้อแบบ Dual Plane technique และหรือ การฉีดเติมไขมันแบบ Microfat transplantation
4.การตรวจติดตามหลังทำโดยแพทย์อย่างสม่ำเสมอช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพราะช่วยลดการผิดตำแน่งผิดระดับของซิลิโคน ,ลดโอกาสเกิดพังผืด ช่วยให้เต้านมนิ่มได้เร็วขึ้น ,ลดการเกิดแผลเป็นนูน(คีรอยด์) เพราะหลายกรณีถ้าศัลยแพทย์แพทย์ตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่เริ่มแรกก็สามารถแก้ไขได้ง่ายและหายขาดได้ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้นาน
จุดเด่นการศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่ Dream Clinic
1. Certified Board of Plastic Surgery ศัลยแพทย์ตกแต่งที่ได้รับการรับรอง จากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย (หลักสูตรวุฒิบัตร ) 6 ปี และสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งความงามนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery หรือ ISAPS) และมีประสบการณ์การผ่าตัดหลายปี ช่วยเพิ่มความมั่นใจในผลการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี นี่คือเหตุผลที่จะตอบคำถามว่า เสริมหน้าอก ที่ไหนดี ได้อย่างมั่นใจ
2. FDA Approved Silicone Implant ดรีม คลินิกใช้ถุงซิลิโคนที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งประเทศไทย และสหรัฐอเมริกาแล้วเท่านั้น ซึ่งทนทาน ปลอดภัยจากการแพ้,เน่า,ติดเชื้อ,หรือรั่วซึม โดยซิลิโคนเหล่านี้จะมีราคาแพงกว่าซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน 3-5 เท่าและการยืนยันได้ว่าเป็นซิลิโคนที่ได้มาตรฐานจริงโดยหลังผ่าตัดคือจะต้อง มีเอกสารรับประกันจากบริษัทผู้ผลิตซึ่งซิลิโคนแต่ละชิ้นจะต้องได้รับเอกสาร รับรอง 1 ชุด ดังนั้นผู้รับการผ่าตัดจะต้องได้เอกสารสองชุดสำหรับซิลิโคนด้านซ้ายและขวา บริษัทผู้ผลิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเหล่านี้ได้แก่ Motiva, Mentor
3. ฺฺBody Logic System วัดขนาดให้พอดีกับขนาดฐานหน้าอก ระบบ การเลือกขนาดเต้านมให้พอดีและการวัดขนาดหน้าอกอย่างแม่นยำ เป็นเทคนิคที่ได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลาย จากศัลยแพทย์ชั้นนำในอเมริกา โดยการวัดความกว้าง ความยาว ความสูงของเต้านมและทรวงอกอย่างละเอียดเป็นมิลลิเมตร แล้วมาคำนวณกับปริมาณเต้านมที่ต้องการ จะได้ขนาดของถุงซิลิโคนที่มีความพอดีกับทรวงอกของแต่ละคน ดรีมคลินิกให้ความสำคัญกับการปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัด เพื่อวัดขนาดทรวงอกจริง ทดลองซิลิโคนขนาดและรูปทรงจริง เพื่อให้ได้ขนาดที่เหมาะสมกับร่างกาย ดูเป็นธรรมชาติ และหัวนมอยู่ในตำแหน่งที่สวยงามกลางเต้านม ไม่ชี้ผิดทาง
4. Safty ปลอดภัย เครื่อง มือปลอดเชื้อ และได้มาตรฐาน ห้องผ่าตัดสะอาด ใช้ระบบเดียวกับห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล ไม่เจ็บเพราะมีอุปกรณ์ให้ยาระงับความรู้สึก และทีมแพทย์พยาบาลซึ่งผ่านการอบรมตามมาตรฐานของโรงพยาบาล
5. Less pain and Less swelling ดรีมคลินิกใช้เครื่องมือและเทคนิคพิเศษในการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอก ทำให้ผู้รับการผ่าตัด ไม่มีเสียเลือด เจ็บน้อยและบวมน้อยกว่าการผ่าตัดแบบทั่วไป ลดระยะเวลาการพักฟื้นเหลือเพียง 1-2 วันเท่านั้น
6. Wound care มี การตรวจติดตามโดยแพทย์หลังการผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง การดูแลรักษาแผลเป็นมีหลายวิธี ในการดูแลให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล จึงจำเป็นต้องมีการนัดตรวจติดตามเพื่อดูสภาพเนื้อเยื่อ, ซิลิโคน, และแผลเป็น เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด
เพราะการทำให้แผลสวยอยู่ที่การเย็บแผลอย่างปราณีตบรรจง ไม่ใช่เย็บแผลไม่ดีแล้วมาทำการฉีดยาลดแผลเป็น หรือการทำเลเซอร์ ซึ่งเป็นการแก้ที่ปลายเหตุและได้ผลไม่เท่าการเย็บแผลที่ดี
การวางแผนการผ่าตัด :
การเลือกยี่ห้อและชนิดซิลิโคน ขนาดเต้านม ตำแน่งการวางซิลิโคน และแผลผ่าตัด
การ ปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัดจะช่วยให้สามารถวัดและเลือกถุงซิลิโคนที่เหมาะสมกับ ขาดร่างกายและความพึงพอใจของแต่ละบุคคลได้ ซึ่งข้อดีข้อเสียของทางเลือกในแต่ละแบบมีดังนี้
1.การเลือกยี่ห้อซิลิโคน
ยี่ห้อซิลิโคน |
ข้อดี |
ข้อเสีย |
ซิลิโคนมาตรฐาน ( Mentor, Allergan, Silimed) | - ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยและสหรัฐอเมริกา- วัสดุที่คงทน อยู่ได้นาน โอกาสการรั่วซึมมีน้อย- โอกาสเกิดการแพ้น้อยมาก เพราะการผลิตต้องใช้เทคโนโลยีจากอเมริกา เพื่อให้ได้ซิลิโคนบริสุทธิ์สำหรับทางการแพทย์- มีเอกสารรับรอง และรับประกันจากผู้ผลิต | - ราคาสูงกว่าซิลิโคนไม่มาตรฐานหลายเท่า |
ซิลิโคนไม่ได้มาตรฐาน(ซิลิโคนจีน,เอเชีย,อาฟริกา) | - ราคาถูกกว่าปกติ | - ไม่ผ่านการรับรองจาก อย.- วัสดุที่ไม่คงทน โอกาสการรั่วซึมสูง- โอกาสเกิดการแพ้หรือมีการต่อต้านจากร่างกายสูง เพราะเทคโนโลยีการผลิต ยังไม่ได้ซิลิโคนบริสุทธิ์เพียงพอสำหรับทางการแพทย์ เหมือนของอเมริกา- ไม่มีเอกสารรับรอง และรับประกันจากผู้ผลิต |
2.การเลือกขนาดซิลิโคน
ขนาดซิลิโคนจากการวัดฐานทรวงอกโดยแพทย์ |
ข้อดี |
ข้อเสีย |
ชิลิโคนขนาดไม่เกินความกว้างฐานหน้าอก | - ขนาดเหมาะสม พอดีกับสัดส่วนของร่างกาย ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เห็นขอบเยอะจนเป็นเกินไป- เจ็บน้อย เพราะตัดกล้ามเนื้อในปริมาณที่เหมาะสม- เสี่ยงต่อการชาของเส้นประสาทน้อย- ปัญหาเลือดคั่งพบได้น้อยกว่าเพราะมีการตัดเลาะกล้ามเนื้อน้อย- ขนาดแผลผ่าตัดเล็กกว่า | -แพทย์จะจำกัดขนาดซิลิโคนที่เหมาะสม อาจไม่ได้ตามความต้องการสำหรับผู้ที่ต้องการหน้าอกแบบใหญ่เกินธรรมชาติ |
ชิลิโคนขนาดใหญ่เกินความกว้างฐานหน้าอก | - ขนาดใหญ่ตามที่ต้องการ เหมาะกับคนที่ต้องการให้หน้าอกดูเยอะเกินธรรมชาติ | - เจ็บมาก เพราะเลาะตัดกล้ามเนื้อในปริมาณมาก- เสี่ยงต่อการชาของเส้นประสาทมาก อาจมีหัวนมชา หรือมีความรู้สึกลดลง- ปัญหาเลือดคั่งพบได้มากกว่าเพราะมีการตัดเลาะกล้ามเนื้อเยอะ- กรณีมีเนื้อหรือผิวหนังหย่อนคล้อย อาจทำให้เต้านมมีรอยพับ รอยหยักเป็นสองลูก ไม่ได้ทรงที่กลมสวยตามปกติ- แผลผ่าตัดจะมีขนาดใหญ่ขึ้น – ในรายที่ใส่ซิลิโคนใหญ่มากจนผิวหนังเสียความยืดหยุ่น อาจทำให้ผิวหนังแตกลายอย่างถาวรได้ |
3.การเลือกตำแหน่งซิลิโคนที่วางบนทรวงอก
ข้อดี |
ข้อเสีย |
|
ซิลิโคนวางใต้กล้ามเนื้อ | - ช่วยให้หน้าอกส่วนบนลาดลงดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นขอบโค้งไปตามถุงซิลิโคน จึงเหมาะกับคนผอม เนื้อผิวหนังบาง- ช่วยลดโอกาสเกิดพังผืดเกาะและหดรัดรอบซิลิโคนมากกว่าวิธีอื่น ทำให้อายุการใช้งานซิลิโคนยาวนานกว่า | - เจ็บกว่า เพราะต้องมีการตัดกล้ามเนื้อ จึงต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ- ใช้แรงกล้ามเนื้อหน้าอกได้น้อยลงบ้าง- ช่องใต้กล้ามเนื้อมีพื้นที่จำกัดจึงทำให้เจ็บตึงมากและมีโอกาสที่ซิลิโคนจะขยับเคลื่อนตำแหน่งไปได้ -ขยับแขนแล้วซิลิโคนขยับไปมาตามการหดตัวของกล้ามเนื้อหน้าอก |
ซิลิโคนวางเหนือกล้ามเนื้อ | - เจ็บน้อยกว่าเพราะไม่ต้องตัดกล้ามเนื้อ- ไม่มีผลกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ- สามารถทำให้เต้านมชิดกันได้มากกว่า | - ไม่เหมาะกับคนผอม เนื้อผิวหนังบางเ พราะจะทำให้เห็นขอบซิลิโคนชัด คลำขอบได้ ไม่ธรรมชาติ- โอกาสเกิดพังผืดเกาะและหดรัดรอบซิลิโคนมากกว่าวิธีอื่น ทำให้อายุการใช้งานซิลิโคนน้อยลง ไม่กี่ปีก็เกิดพังผืดต้องมาเปลี่ยน |
Dual Plane ซิลิโคนวางใต้กล้ามเนื้อเฉพาะส่วนบน | - ช่วยให้หน้าอกส่วนบนลาดลงดูเป็นธรรมชาติ สามารถคนที่มีความหย่อนของหัวนมและเนื้อเต้านมเพื่อให้ส่วนล่างดูตึงขึ้น- ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อหน้าอกเมื่อเทียบกับการใส่ใต้กล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยให้ซิลิโคนที่อยู้ใต้กล้ามเนื้อไม่ถูกดันจนผิดตำแหน่ง-ช่วยป้องกันการเกิดลอนเนื้อเต้านมไม่เรียบด้านล่างของเต้านม ทำให้ได้ทรงเต้านมที่สวยกว่า | -ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่าเล็กน้อย เพราะต้องมีการตัดกล้ามเนื้อส่วนล่างเพิ่มเล็กน้อย |
Dual Plane dissection เป็นเทคนิคใหม่ล่าสุดของการเสริมเต้านม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าวิธีอื่นอย่างชัดเจน ปัจจุบันในต่างประเทศ แพทย์นิยมทำผ่าตัดเสริมเต้านมด้วยเทคนิค Dual Plane เกือบทั้งหมด เพราะมีข้อดีมากกว่าการเสริมเหนือกล้ามเนื้อหรือใต้กล้ามเนื้ออย่างเดียว รวมถึงช่วยแก้ปัญหาข้อเสียต่างๆที่อาจเกิดจากการผ่าตัดเสริมซิลิโคนเหนือ หรือใต้กล้ามเนื้ออย่างเดียวได้ทั้งหมด
4.การเลือกตำแหน่งแผลผ่าตัด
- Inframammary incision – การใส่ซิลิโคนเข้าไปทางใต้ราวนม
การ ใส่ซิลิโคนเข้าทางใต้ราวนมเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีขั้นตอนที่ซับซ้อนน้อยกว่าการผ่าซิลิโคนเข้าทางอื่นของร่างกาย และยังช่วยปกปิดร่องรอยการผ่าตัดได้ดี หลังการผ่าตัดคนไข้มีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว
- Transaxillary incision – การใส่ซิลิโคนเข้าไปทางใต้รักแร้
การ ผ่าตัดเสริมหน้าอกโดยการใส่ซิลิโคนที่ใต้รักแร้ มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยปกปิดร่องรอยการผ่าตัด เพราะแผลผ่าตัดอยู่ในจุดที่เห็นได้ยาก การผ่าตัดนี้จะอยู่ที่ใต้รักแร้ ซึ่งรอยพับของรักแร้โดยธรรมชาติ จะกลมกลืนไปกับแผลผ่าตัดทำให้สังเกตเห็นได้ยาก
- Periareolar incision – การใส่ซิลิโคนเข้าไปทางหัวนม
การ ผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้ จะผ่าตัดเข้าทางฐานหัวนม ซึ่งสีผิวที่บริเวณดังกล่าวจะช่วยปกปิดร่องรอยการผ่าตัดได้ดี ผิวเนื้อบริเวณหัวนม และที่ฐานหัวนมอาจเห็นแผลเป็นได้ยากกว่าบริเวณอื่นของหน้าอก แต่เสี่ยงเรื่องการติดเชื้อมากกว่าวิธีอื่นและทำให้เกิดพังผืดหดรัดได้ง่าย ทำให้ซิลิโคนมีอายุการใช้งานสั้นกว่าวิธีอื่น
ข้อดี | ข้อเสีย | |
แผลใต้ราวนม | - เจ็บแผลน้อย พักฟื้นสั้น เพราะไม่ต้องเลาะเนื้อเยื่อเยอะ- แผลหายง่าย การดูแลแผลและถุงซิลิโคนหลังผ่าตัดง่าย-อัตราการเกิดพังผืดหลังผ่าตัดมีน้อยกว่าแผลแบบอื่นอย่างชัดเจน | - มองเห็นแผลเป็นที่หน้าอก ต้องใช้เวลารอให้หาย |
แผลรักแร้ | - แผลมองเห็นไม่ชัดจากด้านหน้า เป็นการซ่อนแผลเป็น | - เจ็บแผลมาก ต้องพักฟื้นเพราะต้องมีการตัดเลาะเนื้อเยื่อเยอะกว่า- การดูแลถุงซิลิโคนหลังต้องพันผ้าไว้นานกว่า- อาจพบปัญหาถุงซิลิโคนเคลื่อน หัวนมไม่อยู่ตรงกลางได้ถ้าการผ่าตัดไม่ดีพอ หรือการดูแลหลังผ่าตัดไม่ดีพอ- แผลที่รักแร้อยู่ในตำแหน่งที่ดูแลยากกว่า สกปรกกว่า -มีโอกาสเกิดพังผืดหดรัดได้มากกว่าการผ่าตัดด้วยแผลทางอื่น |
แผลที่ปานนม | - ซ่อนแผลเป็นที่รอบปานนม | - อาจพบปัญหาพังผืดเกาะและหดรัดรอบซิลิโคนมากกว่าวิธีอื่น ทำให้อายุการใช้งานซิลิโคนน้อยลง เพราะเป็นตำแหน่งแผลที่สกปรก – อาจมีอาการชาที่หัวนมได้- ไม่สามารถใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่ได้เพราะแผลมีขนาดจำกัด- แผลอาจมองเห็นจากด้านหน้าได้ถ้าการเย็บไม่ดีพอ |
จากการศึกษาเรื่องการเกิดพังผืดหดรัดเต้านมของ Dr. Jacobsen ในวารสาร AJS ปี 2012 ชี้ชัดว่า การผ่าตัดผ่านทางแผลที่รักแร้ และ แผลที่ปานนม มีโอกาสเกิดพังผืดหดรัด (เต้านมแข็งและผิดรูป) มากกว่าการผ่าตัดด้วยแผลใต้ราวนม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (โอกาสเกิดพังผืดในสองปี แผลที่รักแร้ 6.4% , แผลที่ปานนม 2.4% , ส่วนแผลที่ใต้ราวนมเพียง 0.5% เท่านั้น) ซึ่งผลการศึกษาที่ว่าแผลใต้ราวนมทำให้ซิลิโคนมีพังผืดเกาะน้อยสุดนี้ตรงกับอีกหลายงานวิจัย เช่น Dr.Weiner ในวารสาร APS 2008 และ Dr.Spear ในวารสาร PRS 2014
แผลจากการผ่าตัดใต้ราวนมจะซ่อนตามแนวพับของเต้านม และจะค่อยๆเลือนหายไปตามระยะเวลา หากได้รับการเย็บอย่างปราณีตและติดตามดูแลแผลโดยศัลยแพทย์ตกแต่งอย่างต่อเนื่อง ดังตัวอย่างนี้
ดรีมคลินิกมีโปรแกรมในการรักษาแผลเป็น และติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง การใช้ยา แผ่นปิดแผล หรือ เลเซอร์ จะช่วยลดรอยแผลเป็นได้ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาการรักษาให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
5.การเลือกวิธีการผ่าตัด
ข้อดี | ข้อเสีย | |
ผ่าตัดแบบปกติ | - เป็นการผ่าตัดแบบมาตรฐานของการเสริมเต้านมในปัจจุบัน ถ้าเทคนิคที่เหมาะสมก็สามารถทำให้แผลเล็กและลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อได้ เช่นเดียวกับการผ่าตัดแบบส่องกล้อง- ราคาผ่าตัดถูกกว่า | - การผ่าตัดทางแผลรักแร้อาจได้ผลไม่ดีเท่าการใช้กล้องส่อง แต่การผ่าตัดทางแผลใต้ฐานนมการใช้กล้องให้ผลการผ่าตัดที่ไม่แตกต่างกัน |
ผ่าตัดแบบส่องกล้อง | - ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อได้หากผ่าตัดผ่านทางรักแร้- เหมาะกับการเสริมถุงเต้านมแบบถุงน้ำเกลือเพื่อให้ได้แผลเล็ก แต่อาจมีปัญหาดูไม่ธรรมชาติเท่าการใช้ถุงแบบเจล | - การผ่าตัดราคาแพงกว่าปกติ- ใช้เวลาผ่าตัดนานขึ้น- ต้องใช้แพทย์ที่มีความชำนาญจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี- กรณีใช้ถุงซิลิโคนแบบเจลผิวทราย ไม่ได้ช่วยลดขนาดของแผลผ่าตัดลงได้ |
6.การเลือกผิวซิลิโคน
การเสริมซิลิโคนเต้านม เป็นวิธีการเสริมเต้านมที่ได้มาตรฐานสูงสุดในปัจจุบัน โดยมีวิวัฒนาการทางการแพทย์เป็นลำดับดังนี้……
การเสริมเต้านมเริ่มตั้งแต่ปี 1895 ศัลยแพทย์ชาวเยอรมัน ตัดเอาเนื้อไขมันส่วนเกินของร่างกายมาปลูกถ่ายย้ายมาที่เต้านมที่ถูกตัดไปจากมะเร็ง ผลคือ ไขมันไม่ติดเพราะเทคโนโลยีการปลูกถ่ายไขมันยังไม่ดีพอ ทำให้ไขมันตาย และติดเชื้อ ต่อมาในช่วงปี1950 ได้เริ่มมีความพยายามใช้วัสดุต่างๆทั้งของแข็งและของเหลว เช่น Teflon ,beeswax, paraffin,resin,petroleum gelly,liquid silicone ใส่เข้าไปในร่างกายเพื่อเสริมเต้านม แต่ก็ล้มเหลวเกิดการต่อต้าน ติดเชื้อ อักเสบเรื้อรัง
จนกระทั่งปี 1962แพทย์ตกแต่งชาวอเมริกาได้เริ่มมีการผลิตและใช้ถุงซิลิโคนเพื่อเสริมเต้านม ซึ่งสามารถปัญหาการต่อต้านของร่างกายได้ ซึ่งหลังจากนั้น1-2ปี ก็ได้รับความนิยมและมีการพัฒนาโรงงานผลิตในสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส โดยถุงซิลิโคนในยุคแรกยังเผชิญปัญหามีการรั่วซึมของน้ำเกลือหรือ เจลข้างในออกมาซึ่งใช้ไปนานๆจะเกิดปัญหาแตกรั่วได้ ในช่วงทศวรรษ1970และ1980ก็มีการพัฒนาถุงซิลิโคนรุ่น2 และรุ่น3 ออกมาซึ่งเริ่มมีการผลิตผิวทรายหรือ Textured surface ออกมาเพื่อเพิ่มการยึดเกาะกับเนื้อเยื่อ ลดการเกิดพังผืดโดยรอบ
ปัจจุบันถุงซิลิโคนที่ใช้ในอเมริกาเป็นรุ่นที่5 (ปี 2012เป็นต้นมา)ซึ่งได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ถุงไม่มีการรั่วซึม,แตกรั่วและลดการเกิดพังผืด ซึ่งในสหรัฐอเมริกามีผ่านการรับรองสามยี่ห้อคือ Mentor, Allergan,และ Sientra(Silimed) โดยทั้งสามบริษัทมีซิลิโคนผิวทรายที่การผลิตและคุณสมบัติแตกต่างกัน
ซิลิโคนเต้านมคืออะไร……..
ซิลิโคนเป็นสารประกอบโพลีเมอร์ของสารประกอบอนินทรีย์ชื่อ Poly dimetyl siloxane หรือ PDMS มาสังเคราะห์โดยนำโมเลกุลสายยาว มาให้ความร้อนและแรงดัน เพื่อมาเรียงยึดต่อกันด้านข้างหรือที่เรียกว่า Crosslinked ซึ่งการผลิตต้องทำให้โมเลกุลยึดกันให้แน่นและมีความบริสุทธิ์ของการผลิตในระดับสูงสุด โดยส่วนประกอบของซิลิโคนที่เสริมเต้านมประกอบด้วย
1.เปลือกหรือถุงภายนอก ซึ่งต้องมีความเหนียวและยืดหยุ่นมากโดยการทำเป็น3-4 ชั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและป้องไม่ให้เกิดการรั่วซึม กรณีเป็นซิลิโคนผิวทราย ผิวด้านนอกสุดจะถูกทำให้เป็นร่องขนาดเล็กๆเพื่อให้เกิดการยึดเกาะกับเนื้อเยื่อลดการเกิดพังผืดและการหมุนตัวพลิกผิดรูป ผิดตำแหน่งของซิลิโคนในอนาคต คุณภาพของเปลือกหรือผิวซิลิโคนเป็นส่วนสำคัญที่สุด โดยซิลิโคนที่ดีเมื่อผ่านไปเป็นสิบๆปี ก็ยังจะต้องคงรูป ไม่ทำให้เนื้อเยื่อร่างกายอักเสบหรือต่อต้านและต้องไม่แตกรั่ว ให้ศึกษาเลือกยี่ห้อให้ดีเพราะมีซิลิโคนหลายยี่ห้อที่ยังไม่ผ่านมาตรฐาน(ซึ่งมักจะราคาถูก)จะรั่วแตก ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบ,ติดเชื้อ,พังผืดเกาะ,หรือก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้
2.ซิลิโคนเจลข้างในถุง เป็นซิลิโคนเจลกึ่งแข็งกึ่งเหลว ซึ่งมีการยึดเกาะหรือ crosslinked ของโมเลกุลซิลิโคน จนเป็นเจลที่เรียกว่า cohesive gel ช่วยยึดให้รูปทรงของถุงซิลิโคนเต้านมยังคงรูปอยู่ได้ไม่เหี่ยวหรือบิดผิดรูปทรงไปเมื่อใช้นานๆหรือกรณีใส่ไปแล้วผิวด้านนอกมีการรั่วซึม เจลก็จะไม่หลุดออกมาปนเปื้อนให้เกิดการปฏิกิริยาหรืออักเสบ โดยเจลที่มีการยึดเกาะที่ดีพิเศษนี้ สามารถแสดงให้ดูได้โดยการตัดถุงซิลิโคนจริงออกเป็นสองท่อน เมื่อยกขึ้นมาเจลก็จะยังติดอยู่กับผิวที่เดิม เกาะกันอย่างดีไม่หลุดร่วงลงมา
ซิลิโคนผิวทราย(Textured Silicone Implant) ดีกว่าแบบผิวเรียบอย่างไร
ปัจจุบัน เทคโนโลยีการผลิตซิลิโคนดีขึ้น ในต่างประเทศซิลิโคนผิวทรายถูกนำมาแทนที่แบบผิวเรียบในหลายประเทศ เพราะช่วยลดการเกิดพังผืดหดรัดรอบๆซิลิโคน ทำให้อายุการใช้งานของซิลิโคนนานกว่า และไม่ต้องนวดเยอะมาก ลดภาระที่ไม่จำเป็นลง ที่สำคัญกว่าซิลิโคนผิวเรียบหรือผิวทรายคือ ซิลิโคนต้องมาตรฐานจากอเมริกาซึ่งผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา รวมถึงต้องมีเอกสารรับรองและรับประกันจากผู้ผลิตซึ่งคนไข้ต้องได้รับหลังผ่า ตัดแล้วจำนวน 2 ชุดจึงจะมั่นใจได้ว่าเป็นซิลิโคนมาตรฐานจริง ๆ ให้ระวังของปลอมซึ่งปัจจุบันกำลังระบาด เพราะมีบางแห่งหลอกว่าใช้ซิลิโคนมาตรฐานแต่กลับไม่มีเอกสารรับประกันใดๆให้ หลังการผ่าตัด ปัจจุบันมีซิลิโคนผิวทรายจำนวนมาก ผลิตในประเทศจีนหรือในเอเชีย, อาฟริกา ,หรือยุโรปหลายๆประเทศ ซึ่งกระบวนการผลิตยังไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานเหมือนของอเมริกา ซิลิโคนไม่ได้มาตรฐานราคาถูกเหล่านี้แพร่หลายมากในประเทศไทย ทำให้การผ่าตัดทำได้ในราคาถูกมากๆ แต่ในระยะยาวพบแล้วว่ามีปัญหาการแตก, รั่ว, ติดเชื้อ หรือ พังผืดหดรัดอย่างรวดเร็ว การแก้ไขต้องเจ็บตัวเพิ่ม เสียเงิน เสียเวลาแก้ไข รวมถึงเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นผู้รับการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกจำ เป็นต้องทราบและตรวจสอบเอกสารรับประกัน โดยบริษัทผู้ผลิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเหล่านี้ในสหรัฐอเมริกาได้แก่Mentor, Silimed, Allergan หรือ Natrelleตามเครื่องหมายการค้าด้านล่างนี้ จึงจะมั่นใจได้ในความปลอดภัยของซิลิโคน ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตกับซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน
ซิลิโคนทรงกลมและหยดน้ำ
เสริมหน้าอกซิลิโคนทรงกลม
ปัจจุบัน การผ่าตัดเสริมเต้านมในคนที่ร่างกายแข็งแรงปกติถือว่าเป็นการผ่าตัดที่ ปลอดภัย ความเสี่ยงน้อย และด้วยเทคนิคการผ่าตัดอย่างปราณีตจะช่วยลดการบวมและลดความเจ็บปวด ซึ่งสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีได้ชัดเจนหลังการพักฟื้นเพียงไม่กี่วัน ในขณะที่การดูแลหลังการผ่าตัดก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อน เสริมหน้าอกทรงกลม (Round type Silicone Implant) เหมาะกับคนที่มีเนื้อบริเวณหน้าอกอยู่บ้าง และเหมาะกับคนที่ต้องการความนูนของเนินด้านบนหน้าอกมากๆโดยในขนาดที่เท่ากัน ซิลิโคนทรงกลมจะให้เนินอกด้านบนที่ใหญ่และนูนกว่าซิลิโคนทรงหยดน้ำ
ข้อดี | ข้อเสีย | |
ซิลิโคนทรงกลม |
|
|
ตัวอย่างภาพก่อนและหลังการเสริมซิลิโคนทรงกลม
คลิก ! เพื่อดูภาพ ก่อน-หลัง ทำศัลยกรรม เพิ่มเติม
เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ
ปัจจุบัน การผ่าตัดเสริมเต้านมในคนที่ร่างกายแข็งแรงปกติถือว่าเป็นการผ่าตัดที่ ปลอดภัย ความเสี่ยงน้อย สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีได้ชัดเจนหลังการพักฟื้นเพียงไม่กี่วัน ในขณะที่การดูแลหลังการผ่าตัดก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อน เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ (Tear drop หรือ Anatomical Silicone Implant) เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเสริมหน้าอกให้ดูใหญ่มาก และต้องการเพิ่มความนูนของเนินด้านบนหน้าอกให้น้อย ดูเป็นธรรมชาติ โดยในขนาดที่เท่ากันเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำจะให้ความนูนของเนินอกด้านบนที่น้อยกว่าเสริมหน้าอกทรงกลม และช่วยให้ไม่เห็นขอบด้านบนชัดจนเกินไป
ข้อดี | ข้อเสีย | |
ซิลิโคนหยดน้ำ |
|
|
จากกราฟงานวิจัยทางการแพทย์ด้านบนเปรียบเทียบ ซิลิโคนทรงหยดน้ำ ยี่ห้อมาตรฐานที่ใช้ในอเมริกา กับซิลิโคนทรงกลมยี่ห้อเดียวกัน พบว่าซิลิโคนทรงหยดน้ำมีอัตราการเกิดพังผืดหดรัด(Capsular contracture rates) น้อยกว่าซิลิโคนทรงกลม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นั่นก็แปลว่า…….. ***ซิลิโคนทรงหยดน้ำจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าซิลิโคนทรงกลม***
นอกจากนี้อัตราการเกิดพังผืดหดรัดเต้านมของซิลิโคนแต่ละยี่ห้อก็ไม่เท่ากัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกชนิดและยี่ห้อของซิลิโคนเสริมเต้านมจึงควรศึกษาหาข้อมูลเพื่อผลการรักษาที่ดี
7.การเลือกเทคนิคการผ่าตัดที่ดี
เทคนิคการผ่าตัดเสริมเต้านมที่ดี นอกจากได้ทรงสวย แผลสวย เจ็บน้อย หายไว ยังต้องคำนึงถึงผลระยะยาว ที่น่ากลัวที่สุดคือการเกิดพังผืดหดรัดหรือแคปซูลหดรัดเต้านม ซึ่งเกิดจากเทคนิคการผ่าตัดที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ต้องมาผ่าตัดแก้ไขและทำให้ระยะเวลาการใช้งานของซิลิโคนสั้นลง
การที่แพทย์ใช้เทคนิคการผ่าตัดไม่ดี ไม่มาตรฐาน ถึงแม้จะเลือกซิลิโคนเกรดA จาก USA ก็ให้ผลการผ่าตัดไม่ดีหรือมีพังผืดหดรัดได้ง่าย
Capsular contracture คือการตอบสนองของภูมิคุ้มกันร่างกายต่อวัสดุแปลกปลอมที่เข้ามาฝังในร่างกาย ซึ่งในกรณีนี้หมายถึงถุงซิลิโคนเต้านม โดยปกติหลังผ่าตัดเสริมหน้าอกร่างกายจะเกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนมาล้อมรอบถุงซิลิโคนเอาไว้ในระดับหนึ่งซึ่งจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนที่หนามากเกินไปเกิดเป็นพังผืดเหนียวหนาและ เกิดการหดตัวรอบถุงซิลิโคนจนทำให้เกิดการบิดผิดรูปร่างหรือเคลื่อนที่ไปอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติไป โดยอาการคือคลำได้ก้อนแข็งรอบๆถุงซิลิโคนและอาจมีอาการเจ็บเวลาขยับ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัด 1-2 เดือน หรือหลายปี
สาเหตุของ Capsular contracture มีหลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดภาวะนี้
1.สาเหตุหลักมาจากการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียเข้าไปอยู่รอบๆถุงซิลิโคน โดยเชื้อพวกนี้จะสร้างสารมาหุ้มตัวมันเองที่เรียกว่าBiofilm ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายไม่สามารถจัดการฆ่าเชื้อเหล่านี้ได้ เกิดการอักเสบเรื้อรังขึ้นจนเป็นพังผืดแข็งรัดถุงซิลิโคน
โดยเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้มักมาจากแผลผ่าตัด การปนเปื้อนจากบริเวณผิวหนัง เนื้อเต้านมหรือ ท่อน้ำนม ขณะทำผ่าตัด หรืออาจเกิดภายหลังผ่าตัดนานแล้วก็ได้ โดยเชื้อสามารถเดินทางมาจากกระแสเลือดในกรณีที่มีการติดเชื้อในร่างกายส่วนอื่นๆเช่นจากการติดเชื้อทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ หรือ จากการทำฟัน
- ปัจจัยส่งเสริมอื่นๆที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายแย่ลงเช่น เทคนิคการผ่าตัดที่ไม่ดีทำให้เนื้อเยื่อบาดเจ็บมาก, การผ่าตัดที่หยุดเลือดไม่ดีทำให้มีเลือดคั่งแล้วไม่ได้ใส่สายระบายออก ,ซิลิโคนที่คุณภาพไม่ดี ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีสารแปลกปลอมเป็นซิลิโคนไม่บริสุทธิ์ หรืออาจมีการรั่วซึม , คนไข้มีโรคทางภูมิคุ้มกันผิดปกติ (Auto-immune), การสูบบุหรี่, การฉายรังสีบริเวณทรวงอก
การรักษา
-ระยะแรกที่อาการแข็งไม่มากนัก อาจใช้ยากินรักษาได้ผลในบางรายขึ้นกับการตรวจวินิจฉัยของแพทย์
-ระยะที่พังผืดหนามากหรือมีการผิดรูปแล้ว ต้องผ่าตัดเลาะพังผืดทิ้งและถอดหรือเปลี่ยนซิลิโคนซึ่งการผ่าตัดเลาะพังผืดออกเป็นการผ่าตัดที่ยุ่งยากซับซ้อน และอาศัยความชำนาญมากกว่าการผ่าตัดเสริมเต้านมปกติมาก
การป้องกัน สำคัญมาก ควรต้องคำนึงถึงการป้องกันภาวะพังผืดหดรัดเต้านมตั้งแต่ก่อนการทำผ่าตัด เพราะสามารถทำได้ง่ายกว่าการผ่าตัดแก้ไข และจะช่วยให้ใช้ซิลิโคนไปได้นานๆโดยไม่มีปัญหา การป้องกันสามารถทำได้โดยแบ่งเป็นระยะดังนี้
1.การป้องกันก่อนผ่าตัด
-เลือกวิธีการผ่าตัดให้เหมาะสมคือ ใส่ซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อบางส่วนหรือ Dual Plane, งดการใส่ซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ เพราะทำให้เกิดพังผืดมากกว่าถึง6 เท่า , หลีกเลี่ยงแผลผ่าตัดทางปานนมเพราะถือว่าเป็นบริเวณที่มีเชื้อโรคสูง
2.การป้องกันระหว่างผ่าตัด เป็นการลดปริมาณเชื้อให้น้อยที่สุดระหว่างการผ่าตัด โดยมีหลายเทคนิคที่แพทย์ผ่าตัดต้องใส่ใจรายละเอียดได้แก่
-ให้ยาฆ่าเชื้อก่อนผ่าตัด, ใช้แผ่นป้องกันหัวนมปนเปื้อนแผลผ่าตัด, เทคนิคการผ่าตัดอย่างนุ่มนวลให้เนื้อเยื่อบอบช้ำน้อย,หยุดเลือดให้สนิทระหว่างการผ่าตัด, ไม่ผ่าตัดผ่านเนื้อเยื่อเต้านมโดยไม่จำเป็น, ล้างน้ำยาฆ่าเชื้อใต้ผิวหนังก่อนใส่ซิลิโคน, ป้องกันซิลิโคนสัมผัสผิวหนังขอบแผลโดยตรง,เปลี่ยนถุงมือผ่าตัดก่อนการจับซิลิโคน,ลดเวลาการผ่าตัดให้สั้นที่สุด,ลดการใส่สายระบายเลือดโดยไม่จำเป็น,และ เย็บปิดแผลหลายชั้นให้แน่นสนิท
3.การป้องกันหลังผ่าตัด
-กินยาฆ่าเชื้อป้องกันก่อนเมื่อคิดว่าอาจมีการติดเชื้อบริเวณใดๆของร่างกาย เช่นการทำฟัน
ขั้นตอนลดการปนเปื้นเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้ เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ถูกคิดค้นเพื่อแก้ปัญหาการเกิดพังผืดหดรัดของเต้านม โดยมีงานวิจัยรองรับอย่างชัดเจน หลายเทคนิคต้องใช้ทักษะการผ่าตัดของศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง จึงจะให้ผลการผ่าตัดที่ดี
ตัวอย่างภาพก่อนและหลังการเสริมซิลิโคนทรงหยดน้ำ
*ก่อนการทำ “ผ่าตัดเสริมเต้านมด้วยถุงซิลิโคน” ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด ตามคู่มือแนะนำนี้ (72 pages pdf file) >>
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง / FAT GRAFTING
กำจัดไขมันส่วนเกิน และนำมาเพิ่มขนาดหน้าอกได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Grafting) เป็นการนำไขมันมาจากส่วนที่เราไม่ต้องการในร่างกาย ผ่านกระบวนการปั่นและคัดแยกเซลล์ไขมันที่มีคุณภาพ และนำไขมันที่ได้คุณภาพฉีดกลับเข้าไปในบริเวณหน้าอก ด้วยเครื่องมือพิเศษ ซึ่งช่วยให้ไขมันเรียงตัว อย่างเป็นระเบียบ ผิวเรียบ ดูเป็นธรรมชาติ
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมหน้าอกโดยการฉีดไขมันตัวเอง (Micro-Fat Grafting) มีดังนี้
- ดูดไขมันส่วนเกินจากบริเวณหน้าท้องหรือบริเวณต้นขาด้วยเครื่องมือเก็บเซลล์ไขมัน
- นำไขมันส่วนเกินที่ได้ ทำการปั่นและผ่านกระบวนการคัดแยกเซลล์ไขมันเพื่อให้ได้ไขมันที่มีคุณภาพ
- นำ ไขมันที่ได้คุณภาพ ฉีดกลับเข้าไปเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการ ด้วยเครื่องมือพิเศษซึ่งช่วยให้ไขมันเรียงตัว อย่างเป็นระเบียบ ทำให้ผิวเรียบ ดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อนและไม่เป็นคลื่น
ข้อดี | ข้อเสีย | |
การเสริมซิลิโคน |
|
|
การเสริมหน้าอกโดยการฉีดไขมันตัวเอง |
|
|
ภาพก่อนหลัง เสริมหน้าอก
คลิก ! เพื่อดูภาพ ก่อน-หลัง ทำศัลยกรรม