เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง / FAT GRAFTING
กำจัดไขมันส่วนเกิน และนำมาเพิ่มขนาดหน้าอกได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Grafting) เป็นการนำไขมันมาจากส่วนที่เราไม่ต้องการในร่างกาย ผ่านกระบวนการปั่นและคัดแยกเซลล์ไขมันที่มีคุณภาพ และนำไขมันที่ได้คุณภาพฉีดกลับเข้าไปในบริเวณหน้าอก ด้วยเครื่องมือพิเศษ ซึ่งช่วยให้ไขมันเรียงตัว อย่างเป็นระเบียบ ผิวเรียบ ดูเป็นธรรมชาติ
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมหน้าอกโดยการฉีดไขมันตัวเอง (Micro-Fat Grafting) มีดังนี้
- ดูดไขมันส่วนเกินจากบริเวณหน้าท้องหรือบริเวณต้นขาด้วยเครื่องมือเก็บเซลล์ไขมัน
- นำไขมันส่วนเกินที่ได้ ทำการปั่นและผ่านกระบวนการคัดแยกเซลล์ไขมันเพื่อให้ได้ไขมันที่มีคุณภาพ
- นำไขมันที่ได้คุณภาพ ฉีดกลับเข้าไปเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการ ด้วยเครื่องมือพิเศษซึ่งช่วยให้ไขมันเรียงตัว อย่างเป็นระเบียบ ทำให้ผิวเรียบ ดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อนและไม่เป็นคลื่น
|
ข้อดี |
ข้อเสีย |
| การเสริมซิลิโคน |
- เป็นที่ยอมรับว่ายังการผ่าตัดแบบมาตรฐานของการเสริมเต้านมในปัจจุบัน
- ระยะเวลาผ่าตัดสั้น
- ทำการผ่าตัดเสร็จในครั้งเดียวก็ได้ขนาดตามต้องการ
- ราคาผ่าตัดถูกกว่า
|
- มีรอยแผลเป็นมากกว่าการฉีดไขมัน
- มีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อมากกว่า ต้องพักฟื้นนานกว่า
- ซิลิโคนมีอายุการใช้งาน อาจต้องมาเปลี่ยนในอนาคต
|
| การเสริมหน้าอกโดยการฉีดไขมันตัวเอง |
- ไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดมากนักเป็นเพียงแค่รอยเข็มฉีดเท่านั้น
- การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อน้อยกว่าการเสริมซิลิโคน
- เป็นการลดไขมันตัวเองในบริเวณที่ไม่ต้องการไปพร้อมกัน
- เป็นการผ่าตัดแบบใหม่กว่า เป็นทางเลือกใหม่ของการเสริมหน้าอก ไม่ต้องมีสิ่งแปลกปลอมใส่ในร่างกาย
- ไขมันที่ฉีดสามารถอยู่ไปได้ตลอดไม่มีหมดอายุเหมือนการเสริมซิลิโคน และไม่มีปัญหาเรื่องพังผืดเกาะและหดรัด
|
- ราคาผ่าตัดแพงกว่า
- ระยะเวลาผ่าตัดนานกว่า
- ถ้าต้องการให้ได้ขนาดเท่าการเสริมซิลิโคน อาจต้องมาฉีดซ้ำเป็นครั้งที่สอง เพราะการเสริมแต่ละครั้งจำกัดปริมาณได้เพียงประมาณ 100-120 cc หรือประมาณ 1cup เท่านั้น
- บางคนผอมมีไขมันตามลำตัวน้อย ทำให้ได้ไขมันในปริมาณที่ไม่มากพอ
|
