ศัลยกรรมหนังตาบนและล่าง (Upper & Lower Eyelid Surgery)
ศัลยกรรมหนังตาบน (Upper Eyelid Surgery)
การผ่าตัดศัลยกรรมตาบริเวณหนังตาบนมีจุดประสงค์ในการทำให้ชั้นตาบนดูมีสองชั้นที่ชัดเจน ไม่มีหนังตาหรือไขมันที่เต็มแน่นเกินไปหรือหย่อนตกลงมาทำให้ดูไม่สวยงามหรือบังการมองเห็น
ผู้ที่มีตาชั้นเดียวส่วนใหญ่จะมีหนังตาบนอูมพองหรือหนังตาเยอะตกลงมาเป็นลักษณะที่เป็นมาแต่กำเนิดเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม และเมื่ออายุมากขึ้นหนังตาส่วนนี้ก็ยิ่งตกมากขึ้น รวมทั้งแผงขนตาก็มีลักษณะทิ่มลงไม่ชี้ออกมาด้านหน้าตามปกติ นอกจากนี้ปัญหาหนังตาเยอะยังเกิดกับผู้ทีมีตาสองชั้นอยู่แล้วตั้งแต่เกิดแต่พออายุมากขึ้นหนังตาก็จะย้อยลงมาจนบดบังชั้นตาที่สวยงาม ดูมีอายุ
การผ่าตัดหนังตาบน(upper eyelid surgery หรือ Upper Blepharoplasty) มีหลายวิธีขึ้นกับสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล แบ่งเป็นสองวิธีหลักๆคือ แบบมีรอยกรีด กับแบบใช้ไหมเย็บอย่างเดียว
1 . การทำตาสองชั้นแบบกรีด (Incision Technique)
การผ่าตัดทำตาสองชั้นแบบกรีดเพื่อเอาหนังตาส่วนเกินออกเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดมากที่สุด ซึ่งวิธีนี้ ยังสามารถกำจัดไขมันเบ้าตาส่วนเกินได้ทั่วถึง สามารถออกแบบชั้นตาให้ได้ความโค้งที่สวยงามรับกับขอบตาและโครงหน้า
ปัจจุบันการทำตาสองชั้นแบบกรีดเอาหนังตาส่วนเกินออก ยังถือเป็นการผ่าตัดมาตรฐานซึ่งทำกันทั่วโลกยังได้รับความนิยมอยู่ทั้งในประเทศไทยตะวันตก และที่เกาหลี เพราะสามารถแก้ปัญหาได้ดีที่สุด เนื่องจากสามารถตัดหนังที่เกิน ไขมันส่วนเกิน และเย็บชั้นตาได้อย่างชัดเจนและถาวรกว่าวิธีการการทำตาแบบไหมเย็บอย่างเดียว
การผ่าตัดทำตาสองชั้นแบบกรีดเป็นการผ่าตัดเล็ก มีการฉีดยาชาเพียงเล็กน้อย ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน ประมาณ1 ชั่วโมงกว่าก็เสร็จเรียบร้อย พักฟื้นเพียง 1-2 วันก็สามารถทำงานที่ไม่ต้องออกแรงหนักได้ เมื่อครบ 1 สัปดาห์ก็สามารถตัดไหมได้ อาการหนังตาบวมและนูนของแผลอาจเกิดได้เล็กน้อยในช่วง 2-3 เดือนแรกแต่จะค่อยๆดีขึ้นได้เอง
ขั้นตอนการผ่าตัดหนังตาบน
1. แพทย์จะวาดเส้นที่หนังตาบริเวณที่ต้องการผ่าตัด ถ้ามีการหย่อนของหนังที่หางตามากแผลผ่าตัดก็จะต้องยาวออกไปเล็กน้อย
2. ฉีดยาชาที่บริเวณหนังตา บริเวณที่จะทำผ่าตัด
3. ทำการตัดผิวหนังตามเส้นที่ได้วาดเอาไว้
4. ตัดไขมันส่วนเกินออก
5. เย็บชั้นตา และเย็บแผลปิดตามรอยชั้นของหนังตา
2. การทำตาแบบใช้ไหมเย็บ ไม่มีรอยกรีด(Suture Technique)
เทคนิคการทำศัลยกรรมตาแบบใช้ไหมเย็บ ไม่มีรอยกรีดมีมานานแล้ว แต่พึ่งจะมานิยมในสมัยที่เกาหลีโปรโมทเรื่องศัลยกรรมแผลเล็ก และมีการพัฒนาเทคนิคย่อยๆหลากหลายแบบ ซึ่งการทำตาแบบไม่กรีดเพื่อเอาหนังส่วนเกินออก ก็ยังแบ่งเทคนิคย่อยๆออกได้หลายเทคนิค มีชื่อเรียกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การทำตาแบบเย็บฝังปม,แบบไม่มีแผล, แบบเย็บจากด้านใน, แบบเย็บ 3 จุด,แบบเย็บ 1 จุด,แบบร้อยไหม,แบบแผลสั้น, แบบไมโคร,หรือ แบบมินิ
ซึ่งการผ่าตัดหนังตาบนแบบเหล่านี้มีข้อดีก็คือไม่ต้องพัก ไม่ต้องตัดไหม ไม่ต้องกังวลใจเรื่องแผล เทคนิคเหล่านี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเพราะมีจุดที่ตรงใจคนที่อยากทำตามากคือไม่มีแผล แต่งหน้าได้เลย ทำง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องดูแลแผลหลังผ่าตัด
ข้อจำกัดที่สำคัญของเทคนิคการทำตาแบบใช้ไหมเย็บเหล่านี้ คือ เทคนิคนี้จะเหมาะเฉพาะกับผู้ที่มีหนังตาบางๆ ไม่มีปัญหาหนังตาหย่อน และไม่มีไขมันเปลือกตามาก เพราะเทคนิคเหล่านี้ไม่สามารถเอาไขมันออกได้หรือได้แต่เพียงบางส่วน และไม่สามารถแก้ปัญหาหนังตาที่หย่อนเกินได้มากนักโดยการทำตาสองชั้นแบบใช้ไหมเย็บจะไม่กรีดเอาหนังตาส่วนเกินออก อาศัยไหมที่เย็บไว้ข้างในรั้งให้เกิดตาสองชั้น หรือเย็บชั้นตาให้ใหญ่ขึ้นเพื่อซ่อนหนังตาที่หย่อนไว้ในชั้นตา ผลก็คือแม้ว่าช่วงแรกชั้นตาจะเล็กและเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยระยะเวลาที่ผ่านไปไม่นานชั้นตาก็จะตกลงมาเล็กลงเรื่องๆจนดูกลายเป็นชั้นเดียวหรือชั้นหลบในได้เหมือนเดิม
ตาคนเกาหลีมีลักษณะต่างกับคนไทยหรือ South East Asian คือมีเปลือกตาบางกว่า ไม่ค่อยมีผิวหนังที่ตาหนาหนักจนหย่อนลงมาและลูกตานูนกว่าไม่ค่อยฝังลงในกระดูกเบ้าตา จึงสามารถทำตาสองชั้นแบบใช้ไหมเย็บไม่มีรอยกรีดได้ผลดีกว่าคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่ จะมีปัญหาเรื่องหนังตาเยอะ เปลือกตาหนา ไขมันเยอะ และกระดูกเบ้าตาสูง
การตัดสินใจทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบใด ควรจะศึกษาข้อมูลให้ดี และปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินเทคนิคที่เหมาะสมกับสภาพความหนาและความหย่อนผิวหนัง,ปริมาณไขมันที่ตาและลักษณะโครงสร้างของกระดูกเบ้าตา เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดและเหมาสมที่สุดกับแต่ละบุคคล
ศัลยกรรมเปิดหัวตาและหางตา (Medial, Lateral Canthoplasty)
นอกเหนือจากการผ่าตัดหนังตาบนจะช่วยให้ชั้นตาดูชัดเจนใหญ่ขึ้น และตาดูโตขึ้นแล้ว การผ่าตัดเปิดหัวตาหรือหางตาถือเป็นการผ่าตัดเสริมซึ่งเป็นนิยมในเกาหลีเพื่อแก้ปัญหาตาที่ดูเล็กมากๆโดยการผ่าตัดเปิดหัวตาหรือหางตามีจุดประสงค์เพื่อการขยายความกว้างและความยาวของตาให้ดูกลมโตขึ้น
การทำผ่าตัดเปิดหัวจะเป็นการผ่าตัดตกแต่งลดแถบหนังตาที่ดึงรั้งหัวตาทำให้ตาเปิดได้มากขึ้น ทำโดยแพทย์จะทำการกรีดบริเวณหัวตาแล้วเลาะเนื่อเยื่อบริเวณข้างใต้หัวตาเล็กน้อย จากนั้นจึงเย็บแผลปิดซึ่งแผลจะมีขนาดสั้นๆที่หัวตาเท่านั้น
ภาพการผ่าตัดขยายเปิดหัวตา
ส่วนการผ่าตัดเปิดหางตาจะเป็นการขยายหางตาให้ตาดูยาวขึ้น เห็นตาขาวมากขึ้นและหางตาดูชี้แหลมน้อยลง เป็นการผ่าตัดเสริมที่สามารถทำพร้อมการผ่าตัดหนังตาบนได้
ภาพการผ่าตัดขยายเปิดหางตา
ศัลยกรรมหนังตาล่าง (Lower Eyelid Surgery)
ถุงไขมันใต้ตา เป็นก้อนไขมันที่อยู่บริเวณเปลือกตาล่าง เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ลูกตามักจะเกิดร่วมกับภาวะกล้ามเนื้อและเปลือกตาล่างอ่อนกำลัง ในผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้นทำให้เกิดอาการบวมมาก ในตอนเช้า ดูคล้ายกับคนที่มี อาการเศร้าหมอง ทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย
การผ่าตัดหนังตาล่าง(Lower eyelid surgery หรือ Lower Blepharoplasty) มีจุดประสงค์เพื่อการลดไขมันส่วนเกินที่บริเวณใต้ตาซึ่งมีลักษณะเป็นถุงป่องออกมาทำให้ดูมีอายุ นอกจากนี้ยังช่วยลดริ้วรอยบริเวณใต้ตาซึ่งเกิดจากความหย่อนของหนังตาล่าง ทำให้เปลือกตาล่างแบนเรียบ และตึงขึ้น
ปัจจุบันการทำหนังตาล่างด้วยวิธีกรีดเอาหนังตาส่วนเกินออก ยังถือเป็นการผ่าตัดมาตรฐานเพราะสามารถแก้ปัญหาได้ดีที่สุด เนื่องจากสามารถทั้งตัดหนังและกล้ามเนื้อที่หย่อน และตัดถุงไขมันส่วนเกินได้ซึ่งได้ผลถาวรนานกว่าวิธีการการเจาะเอาไขมันออกอย่างเดียว
การผ่าตัดตาล่างเป็นการผ่าตัดเล็ก มีการฉีดยาชาเพียงเล็กน้อย ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน ประมาณ1 ชั่วโมงกว่าก็เสร็จเรียบร้อย พักฟื้นเพียง 1-2 วันก็สามารถทำงานที่ไม่ต้องออกแรงหนักได้ เมื่อครบ 1 สัปดาห์ก็สามารถตัดไหมได้ อาการหนังตาบวมและนูนของแผลอาจเกิดได้เล็กน้อยในช่วงเดือนแรกแต่จะค่อยๆดีขึ้นได้เอง แผลเป็นบริเวณนี้มักดีกว่าส่วนอื่นๆของร่างกาย สามารถจางลงได้เร็วจนแทบมองไม่เห็นได้ถ้าได้รับการผ่าตัดและรักษาแผลอย่างถูกวิธี
ขั้นตอนการผ่าตัดหนังตาล่าง
1. แพทย์จะวาดเส้นที่หนังตาบริเวณที่ต้องการผ่าตัด ถ้ามีการหย่อนของหนังที่หางตามากแผลผ่าตัดก็จะต้องยาวออกไปเล็กน้อย
2. ฉีดยาชาที่บริเวณหนังตา บริเวณที่จะทำผ่าตัด
3. ทำการตัดผิวหนังตามเส้นที่ได้วาดเอาไว้
4. ตัดไขมันส่วนเกินออก
5. เย็บแผลปิดตามแนวขอบขนตาล่าง
การฉีดไขมันหนังตาบนและล่าง(Upper and Lower eyelid Micro-fat Grafting)
ปัญหาร่องใต้ตาและรอยคล้ำใต้ตา สามารถพบได้บ่อย ในคนผอม ลดน้ำหนักลงมากหรือสูงอายุ แต่บางครั้งก็พบได้ในคนหนุ่มสาวซึ่งเป็นจากพันธุกรรม ปัญหาร่องใต้ตาและความคล้ำใต้ตานี้ส่วนมากในคนไทยเกิดจากผิวหนังบริเวณนี้บางลง ทำให้เส้นเลือดที่คั่งบริเวณนี้เห็นเป็นรอยดำคล้ำอย่างชัดเจน ยิ่งถ้ามีอาการภูมิแพ้บริเวณโพรงจมูกด้วยจะก็ยิ่งเห็นปัญหานี้ได้บ่อย การเติมไขมันด้วยเทคนิคไมโครแฟท (Micro-fat Grafting)สามารถช่วยแก้ปัญหารอยดำคล้ำใต้ตา,รอยลึกโหลรอบดวงตา,หรือแก้ร่องลึกที่หัวตาได้อย่างถาวร สามารถอ่านรายละเอียดได้จากหัวข้อ การฉีดไขมันด้วยเทคนิคไมโครแฟท (Micro-fat Grafting)
เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้นการฉีดไขมันสามารถทำพร้อมกับการทำผ่าตัดหนังตาบนหรือหนังตาล่างหรือการฉีดไขมันส่วนอื่นๆของใบหน้าได้พร้อมกันในคราวเดียว ซึ่งในแต่ละคนมีรายละเอียดของปัญหาที่แตกต่างกัน ควรปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งเพื่อตรวจวิเคราะห์ ประเมินปัญหา และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
ข้อควรปฏิบัติก่อนการผ่าตัดหนังตา
1. ควรงดยาที่ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน คูมาดิน วิตามินอี น้ำมันปลา อาหารเสริมหรือสมุนไพรทุกชนิด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำการผ่าตัด ทั้งนี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้ให้ยาว่าโรคที่เป็นอยู่ปลอดภัยต่อการงดยาเหล่านั้น
2. ไม่แต่งหน้า ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ หรือใส่เครื่องประดับใดๆมาในวันผ่าตัด
3. ถ้ามีแผล ฝี หรือการติดเชื้อบริเวณใดๆของร่างกายควรแจ้งให้แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดทราบ
4. กรณีมีโรคประจำตัวเช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน โรคเลือดหยุดยาก ฯลฯ รวมถึงประวัติการแพ้ยาต่างๆ รวมทั้งยาชา ควรแจ้งแพทย์ทราบก่อนการนัดผ่าตัด
ข้อควรปฏิบัติหลังการผ่าตัด
1. ห้ามไม่ให้แผลโดนน้ำประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อ ให้ทำความสะอาดแผลผ่าตัดโดยการเช็ดเบาๆด้วย ไม้พันสำลีสะอาดชุบน้ำต้มสุก หรือน้ำเกลือล้างแผล จนหมดคราบสะเก็ดเลือด จากนั้นป้ายแผลด้วยขี้ผึ้งสำหรับป้ายตา อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
2. ประคบเย็นที่บริเวณแผลผ่าตัดด้วย Cold Pack Gel หรือ ถุงน้ำแข็ง ห่อด้วยผ่าขนหนูสะอาด ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำ ประมาณ 1-2 วัน
3. ถ้ามีเลือดออกซึมจากแผลให้รีบกดไว้และใช้ความเย็นหรือน้ำแข็งประคบไว้ทันที
4. หลังผ่าตัดวันแรกและวันต่อมาควรนอนพักให้ศีรษะสูง หลังจากนั้นจึงสามารถทำกิจวัตรประจำวันเบาๆได้ตามปกติ ไม่ควรยกของหรือทำงานหนัก ไม่ควรออกกำลังกายหนัก และระวังการกระทบกระเทือนแรงๆ
5. ใน 3-4 สัปดาห์แรก ห้ามขยี้ตาโดยเด็ดขาด หลีกเลี่ยงการโดนแดด ฝุ่น และสิ่งสกปรก และควรใส่แว่นตาเพื่อป้องกันไว้
6. รับประทานยาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่ง และ รับประทานยาแก้ปวดเมื่อมีอาการปวดแผลผ่าตัด
7. แพทย์จะนัดมาตัดไหมหลังผ่าตัดประมาณ 5-7 วัน
อาการที่ควรมาพบแพทย์ทันที
• มีเลือดออกจากแผลผ่าตัดมากและไม่หยุด
• มีอาการปวดตามาก
การผ่าตัดหนังตาเป็นการผ่าตัดเล็กที่ไม่ยุ่งยาก ฉีดยาชาเพียงเล็กน้อย และใช้เวลาไม่นาน ผู้รับการรักษาสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้นหลังการผ่าตัด หลังจากตัดไหมหลังผ่าตัดประมาณ1สัปดาห์ ตาจะเริ่มบวมลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งดูเป็นปกติใน 1ถึง 2 เดือน