Baby Face Laser

Q – switched Nd – YAG Laser  ( Spot – clear Laser )เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร ซึ่งใช้รักษาความผิดปกติของเม็ดสีอย่างได้ผล เนื่องจากเลเซอร์ชนิดนี้ออกฤทธิ์ทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดสีน้ำเงินถึงสีดำคล้ำ โดยแสงเลเซอร์สามารถทะลุลงไปใต้ผิวได้ประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร จึงเหมาะที่จะใช้ทำลายรอยดำคล้ำในชั้นหนังแท้อย่างได้ผล

การทำหน้าใส Rejuvenation (Baby Face) โดยมักใช้ร่วมกับครีม Black Diamond ซึ่งเป็นโมเลกุลผงถ่านขนาดเล็ก โดยให้ทาครีมก่อนทำเลเซอร์ให้เข้าไปในรูขุมขนจนทั่ว ขณะทำการยิงเลเซอร์ ผงถ่านเหล่านี้จะได้รับพลังงานเข้าไปจะเกิดการแตกตัว มีการปล่อยพลังงานให้กับผิวหนังและรูขุมขนในชั้นลึก ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวใสขึ้น ลดริ้วรอย และรูขุมขนกระชับยิ่งขึ้น

ข้อควรระวังในการรักษาด้วย Q-switched  Laser

เนื่องจากผิวคนไทยหลายคนมีผิวคล้ำ และไวต่อการบาดเจ็บ หรือแสงเลเซอร์ หลังการยิงเลเซอร์พลังงานแรง อาจเกิดการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเยอะกว่าเดิม  (Post inflammatory Hyperpigmentation หรือ PIH) รอยกระเดิมอาจแย่ลงได้ ก่อนการทำเลเซอร์ควรต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อตรวจติดตามผลการทำ  และประเมินว่าควรทำเลเซอร์ต่อหรือไม่  ควรบันทึกภาพ  สั่งยาที่ต้องใช้รักษาร่วมกับเลเซอร์ พร้อมแนะนำการปฏิบัติตนให้ดูแลแผล และหลีกเลี่ยงแสงแดดอีก 2-3 สัปดาห์

Smartlite IPL (Chromolite) ทำหน้าใส ลดจุดด่างดำ

Chromolite เป็นเครื่องมือรักษา ฟื้นฟูสภาพผิวหนังด้วยแสง Intense Pulse Light (IPL) คุณภาพสูงจากประเทศอังกฤษ โดยใช้เทคโนโลยีที่มีลิขสิทธิ์เฉพาะที่เรียกว่า SmartliteTM ซึ่งจะปล่อยพลังงานแสงความเข้มข้นสูงเป็นแบบแถบสีคู่ คือสีแดงและสีเหลือง

เครื่อง Chromolite ทำอะไรได้บ้าง?

1. ฟื้นฟูสภาพผิว (Skin Rejuvenation)   แสงสีเหลืองของ Chromolite จะถูกดูดซึมโดยเม็ดเลือด ทำให้เส้นเลือดหรือรอยแดงที่ไม่สม่ำเสมอตีบ ฝ่อลงไป ในขณะที่แสงสีแดงจะถูกดูดซึมด้วยเซลล์เม็ดสีส่วนเกิน ทำให้เกิดการกำจัดรอยดำ จากเม็ดสีส่วนเกินเหล่านี้ได้  นอกจากนี้ ทั้งแสงสีเหลืองและสีแดงจะมีผลต่อชั้นใต้ผิวหนังโดยจะทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ และลดความหย่อนคล้อยของผิวหนังได้
2. ลดการอักเสบของสิว (Active Acne)   เชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ P.Acnes ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ ปกติจะมีการเพิ่มจำนวนอยู่ที่รากขน(Hair Follicle)  ลำแสงจาก Chromolite จะช่วยฆ่าเชื้อที่อยู่ภายในสิวอักเสบ ในขณะเดียวกัน Chromolite ก็ช่วยในการปรับสภาพผิว ลดจุดด่างดำได้ และยังเป็นการป้องกันสิวที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ได้อีกด้วย
3. กำจัดขน (Hair reduction)

เครื่อง Chromolite สามารถใช้รักษาได้กับทุกคนหรือไม่ ?

เครื่องChromolite เหมาะกับทุกสภาพผิว และสามารถทำได้ทุกช่วงอายุ ข้อจำกัดมีเพียงคนจำนวนน้อยที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง หรือมีภาวะที่ไม่เหมาะสม  ซึ่งก่อนการรักษาท่านจะได้รับคำปรึกษาจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของความเหมาะสมของท่านในการใช้โปรแกรมแต่ละอย่าง  รวมถึงอธิบายถึงวิธีการและขั้นตอนการทำ ตั้งแต่การเตรียมตัวจนถึงการปฏิบัติตัวภายหลังการรักษา

ผลข้างเคียงหลังการรักษาด้วย Chromolite

โดยทั่วไปภายหลังการรักษามักมีผลกระทบข้างเคียงน้อยมากถึงไม่มีเลย เพราะChromolite มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการรักษาสูง ไม่ทำให้เกิดแผลภายนอกที่ผิวหนังหลังจากทำ และสามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติ    ขณะทำการรักษาด้วยเครื่องChromolite จะรู้สึกถึงแสงอุ่นๆที่มากระทบผิว แต่ถ้าท่านรู้สึกผิดปกติ หรือ ร้อนจนเกินไปให้รีบแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ผู้ใช้เครื่องทราบในทันที

Chromolite สามารถใช้รักษาได้ทุกบริเวณของร่างกายตั้งแต่ใบหน้า คอ อก แขน มือ หลัง ขา รักแร้   แต่เนื่องจากบางส่วนของร่างกายมีความบอบบางเป็นพิเศษ จึงมีคนจำนวนน้อยที่อาจมีอาการแดงหรือบวมได้บ้างภายหลังการรักษา คล้ายการถูกแสงแดดนานๆ ซึ่งทางคลินิกจะแนะนำการวิธีการดูแลเพื่อลดปัญหาเหล่านี้   ก่อนและหลังการทำรักษาด้วย Chromolite ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์เพื่อเป็นการป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

จำนวนครั้งและระยะเวลาในการรักษา

ในการฟื้นฟูสภาพผิว (Skin Rejuvenation)หรือ รักษาสิวอักเสบ(Active Acne) จำนวนครั้งของการรักษาขึ้นกับความรุนแรงของสภาพผิวหนัง โดยทั่วไปประมาณ 6-10 ครั้ง  แต่กระบางชนิดก็รักษาได้ผลดีเมื่อทำเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น

ข้อแตกต่างระหว่างเครื่อง Chromolite กับ เครื่อง IPL ทั่วไป

1. Chromolite มี Filter ที่สามารถกรองพลังงานแสงให้อยู่ในช่วงที่ใช้ในการรักษาจริง คือแสงสีเหลือง (535 nm) และแสงสีแดง(615 nm)ซึ่งแตกต่างจาก IPL ทั่วไป ซึ่งจะปล่อยพลังงานแสงสีอื่นที่ไม่จำเป็นออกมาปริมาณมาก
2. Chromolite สามารถให้พลังงานที่มากกว่าในช่วงเวลาที่สั้นเพียง 5 มิลลิวินาที ทำให้เพิ่มพลังงานที่รากขนได้อย่างรวดเร็ว ผลการกำจัดขนจึงแตกต่างกับเครื่อง IPL ทั่วๆไปอย่างเห็นได้ชัด
3. Chromolite มีระบบการส่งผ่านพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง ระบบการสะท้อนพลังงานที่ดีเยี่ยม และอุปกรณ์ระบบสะท้อนพลังงานที่ถูกพัฒนามาเป็นอย่างดี จึงทำให้ส่งพลังงานจากหลอดกำเนิดแสงเข้าสู่ผิวหนังได้มากกว่าเครื่องIPL ทั่วไป ถึง300%
4. Chromolite ให้สำแสงมีการจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ  ทำให้ลำแสงไม่มีการกระจายทิ้ง ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับเครื่อง IPL ทั่วไปทำให้ได้ผลการรักษาที่ดีกว่าเนื่องจากผิวหนังได้พลังงานที่สม่ำเสมอ
5. Chromolite ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากผิวหนังไหม้ได้มากกว่าเครื่องIPL ทั่วไปอย่างชัดเจน เนื่องจากมีระบบการสะท้อนพลังงานกลับมาใช้ และระบบการจัดเรียงลำแสงที่ดี ดังที่กล่าวมาแล้วในข้อ 2และข้อ 3  จึงสามารถใช้พลังงานแสงที่ต่ำลงกว่าIPL ทั่วไป แต่ได้พลังงานเข้าสู่เซลล์ผิวด้านในได้มากกว่า